วันพฤหัสบดีที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2555

7 แก้ปัญหาโทรศัพท์ตกน้ำ


1. อย่าเพิ่งเปิด-ปิดเครื่อง
      
       โดยเฉพาะคนที่เผลอทำโทรศัพท์ทั้งเครื่องตกลงในแหล่งน้ำ ขอย้ำว่าอย่าเพิ่งกดปุ่มเปิด-ปิดเครื่องโดยเด็ดขาด เนื่องจากการกดปุ่มเปิด-ปิดเครื่องที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ภายในยังเปียก น้ำหรือยังมีความชื้น อาจทำให้เกิดการลัดวงจรและเสียหายหนัก หรือเสียหายถาวรได้
      
       2. รีบแยกชิ้นส่วน
      
       อย่ามัวแต่ตกตะลึง แต่ให้รีบถอดส่วนประกอบต่างๆ ของ มือถือออกจากกันอย่างรวดเร็ว (เฉพาะส่วนประกอบที่สามารถถอดได้เองตามปกติ) ทั้งซิมการ์ด, แบตเตอรี่, หน้ากาก, ฝาหลัง ฯลฯ
      
       3. ดูแถบความชื้น
      
       ถอดชิ้นส่วนแล้วมาลองลุ้นความเสียหายจากแถบความชื้นที่ถูกซ่อนไว้ใน เครื่องแต่ละรุ่น
      
       เพราะบริษัทโทรศัพท์มือถือตั้งเงื่อนไขว่า จะไม่รับประกันโทรศัพท์มือถือที่เสียหายจากความชื้น บริษัทเหล่านี้จึงซ่อนจุดสังเกตไว้เพื่อตรวจสอบว่าโทรศัพท์มือถือเครื่องนี้ ตกน้ำมาหรือไม่ หรือเผลอโดนใครฉีดน้ำใส่หรือเปล่า จุดสังเกตนี้จะมาในรูปแถบความชื้นที่ทุกคนสามารถตรวจสอบเครื่องของตัวเองใน เบื้องต้นได้เช่นกัน
      
       โทรศัพท์มือถือแทบทุกรุ่นจะใช้สัญลักษณ์แบบเดียวกันในการบ่งบอกว่า ตัวเครื่องถูกน้ำหรือความชื้นมาหรือไม่ จากสติกเกอร์สีขาวที่มีรูปแบบทั้งวงกลมและสี่เหลี่ยม ซึ่งซ่อนอยู่ตามจุดต่างๆภายในเครื่อง ใช้การเปลี่ยนสีของสติกเกอร์เป็นสีแดงเมื่อเปียกน้ำหรือได้รับความชื้นใน ระดับหนึ่ง
      
       หากคุณใช้สมาร์ทโฟนยอดฮิตอย่างไอโฟนอยู่ สามารถหาจุดสังเกตที่แอปเปิลซ่อนแถบวัดความชื้นไว้บริเวณช่องเสียบสายหูฟัง 3.5 มม. และบริเวณพอร์ตเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ เพียงใช้ไฟฉายส่องเข้าไปในมุมตรง จะพบกับสติกเกอร์ดังกล่าว
      
       หากคุณใช้แบล็กเบอรี แถบวัดความชื้นจะซ่อนอยู่บริเวณบริเวณขั้วแบตเตอรี่และตัวเครื่องด้านหลัง ซึ่งสังเกตได้ค่อนข้างง่าย เช่นเดียวกับสมาร์ทโฟนในระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ที่สามารถถอดแบตฯได้เอง ก็จะมีสติกเกอร์อยู่ในบริเวณดังกล่าวเช่นเดียวกัน
      
       หากคุณใช้โทรศัพท์มือถือทั่วไป สามารถสังเกตได้จากขั้วแบตเตอรี่และตัวเครื่องเช่นกัน
      
       4. ใช้ผ้าเช็ด
      
       สำหรับเครื่องที่สามารถถอดส่วนประกอบต่างๆได้ง่าย หลังจากสลัดน้ำออกด้วยแรงพอประมาณ ให้นำผ้าชนิดที่ไม่มีขน หรือกระดาษทิชชูที่คุณภาพดี ไม่เป็นขุย มาซับน้ำที่เกาะอยู่ตามจุดต่างๆ ให้แห้งที่สุดเท่าที่จะทำได้
      
       5. ห้ามเป่าไดร์-ตากแดด
      
       ไม่ควรใช้ไดร์เป่าผมเป่าให้เครื่องแห้งเด็ดขาด เนื่องจากลมจากไดร์เป่าผมมีความร้อนสูง อาจจะทำให้เกิดความเสียหายต่ออุปกรณ์ หรือวงจรอิเล็กทรอนิกส์ภายในได้ง่าย
      
       แม้แต่แดดก็ไม่ได้ เพราะผู้รู้บอกว่าไม่ควรนำโทรศัพท์มือถือไปตากแดดเพราะความร้อนจากแสงแดด นั้นสูงเกินไปสำหรับโทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์บางชนิด
      
       ที่ใช้ได้คือพัดลมเท่านั้น
      
       6. อย่าเพิ่งชาร์ต
      
       ผู้รู้แนะนำว่ายังไม่ควรชาร์จแบตเตอรี่ทันที เนื่องจากวงจรภายในอาจยังไม่พร้อมที่จะรับกระแสไฟฟ้า โดยควรแน่ใจก่อนว่าเครื่องแห้งสนิททั้งหมด
      
       7. ส่งช่าง-เข้าศูนย์
      
       เมื่อเป่าแห้งแล้ว ช่างซ่อมโทรศัพท์มือถือแนะนำว่าให้ส่งเครื่องเข้าศูนย์หรือส่งช่างซ่อมโดย ทันที แถมยังมีการขู่ทับอีกว่าถ้าส่งเร็วก็จ่ายน้อย ส่งช้าก็จ่ายมาก จุดนี้ช่างสำทับว่าอย่าเพิ่งเปิดใช้งานในช่วงหนึ่งถึงสองวันแรก เพราะยังมีโอกาสเครื่องขัดข้องสูงมาก และการที่เครื่องแห้งในภายนอกอาจไม่ได้แปลว่าชิ้นส่วนทุกชิ้นจะแห้งสนิท การส่งเครื่องเข้าศูนย์จะทำให้เครื่องผ่านกระบวนการตรวจสอบจนแน่ใจแท้จริง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น